top of page
Search

Stanger Things Netflix



เจาะ Stanger Things จาก Netflix กำลังฮิตพร้อมกับมาใหญ่ในไทย กับหนังโฆษณาโหม โดยใช้ดาราไทยโปรโมทโดยเฉพาะ ใช้กันต์กับไอซ์ ลงทุนทำการโปรโมทอย่าจริงจัง https://youtu.be/3JQC-Ok2Qmw

ทำไมเพราะตลาดเมืองไทยโตวันโตคืน และควรแย่งพื้นที่สะกัดค่ายใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิด

แต่ที่อยากจะเขียนคือ ใน seaon 3 บทหนังของ series เรื่องนี้

มันเป็นหนังย้อนยุคไปที่ปี 1985 ที่เมืองฮอว์กคินส์ (Hawkins) รัฐอินเดียนา (Indiana)

ทำไมเป็นยุคนี้ The Duffer Brothers (Matt and Ross Duffer) เค้าบอกว่ามีแรงบันดาลใจมาจาก Steven Spielberg, John Carpenter, Stephen King และ George Lucas,

ผมว่าหนังในเมืองใหญ่ก็มีเยอะแล้ว และทางด้านการเซ็ทฉากเมือง ก็น่าจะง่ายกว่า อันนี้ผมคิดเองแบบ Producer นะครับ หลายๆ เหตุผลมันมาจากบทของผู้เขียนทั้งนั้น

ถ้าเป็นไทยๆ จะมีคำถามว่าทำไมต้องทำหนังย้อนยุค ฝรั่งมันมีเหตุผลใน inspire บางอย่าง

เช่นคนสมัยนี้กลับมานิยมความเป็น 80"s เป็นปีที่สงครามเย็นระหว่าง usa กับ russia

แต่ผมกลับสนใจเรื่องอายุของคนในหนัง เด็กเหล่านี้อายุ 13-14 ปี ใน season 3 ซึ่งเวลาในหนังเด็กๆ เกิดในปี 1971 (2514) ซึ่งใครเกิดในยุคนี้เช่น 2512-2516 ก็จะ Feel เหตุการณ์ได้หากคุณเกิดใน usa คนที่เกิดปี 1971 อายุเท่าไหร่ ในปีนี้ 48 ปี ถ้าจาก seaosn 1 ก็ 46 ปี มันก็เป็นหนังของคนอายุประมาณ 44-50 ปีหรือมากกว่า

และก็เป็นหนังของเด็กปัจจุบันอายุ 10-15 ปีด้วย แต่ด้วยความที่เป็นยุคที่กลับมาฮิตใหม่ของปี 80's และบทที่ดี ที่คนเขียนบอกว่า มีแรงบันดาลใจมาจาก Steven Spielberg, John Carpenter, Stephen King และ George Lucas,

นั่นเลยทำให้หนังประสบผลสำเร็จกับคนอายุเกือบทุกกลุ่ม

แล้วที่ไทยทำไมฮิตได้อีก ฝรั่งมันทำหนังแบบสมบูรณ์แบบในทุกด้านของบท Casting ตัวแสดงเจ๋งสุดเหวี่ยง เริ่มตั้งแต่ แอล หรือ eleven -โดย Millie Bobby Brown อายุจริง 15 ปี สวมบทบาท 13-14 ปีใน season 3 เธอเด่นมากตั้งแต่ season 1 กับบทเด็กมีปัญหา และมีพลังพิเศษ ปีที่แล้วเธอได้ถูกเลือก มาเล่น MV ให้ Maroon 5 กับเพลง Girls Like You ด้วย และวันนี้ลองดู Instagram เธอดูสิ instagram.com/milliebobbybrown/ 21 ล้าน followers

ผมจะข้ามเด็กอื่นๆ ไป แต่ก็ไม่ได้ว่าไม่เจ๋ง เพราะเป็นการผสมแก็งเด็กไม่ว่าเนิร์ด คนดำ และเด็กที่มีปัญหาในด้านต่างๆ กัน

มาที่บท Nancy -โดย Natalia Dyer อายุจริงปัจจุบัน 22 ปี อายุในหนังเกิดปี 1967 - สวมบทบาทอายุ 18 ปีในหนัง เธอไม่ค่อยจะมีผลงานมากนัก แต่น่าจะเป็นที่ถูกใจชาวเอเชียโลกที่ 3 อย่างเราๆ บทที่บาดใจมากที่ถูกฟันตั้งแต่ season 1

บท Steve -Joe Keery ที่ฟัน Nancy ตั้งแต่ season แรก

บท Jonathan The loser -โดย Charlie Heaton ไม่หล่อมาก แต่เล่นได้ดีมากและดูเหมือนขึ้นมาเป็นพระเอก กับนิสัยที่ขอบถ่ายภาพซึ่งสมัยนั้น ถ่ายด้วย film ซึ่งคนสมัยเราๆ ก็กลับมาถ่าย film กันมากมายในปัจจุบัน

ส่วนตัวชอบตาหนุ่ม Billy มาก -โดย Dacre Montgomery หนุ่มที่มาจากเมืองใหญ่กับน้องสาวจอมเพี้ยน Billy ก็เพี้ยนได้ใจ กับทรงผมทรมานใจสาวสมัยนั้น ดูแล้วขำดีครับ แนวๆ hair band pop rock

ส่วนอีกคนที่มาโผล่ที่ season 3 ดูไม่ได้เด่นอะไรมาก Robin สาวที่ขายไอศครีมกับ Steve ใน season 3 ก็ดูเป็นสาวสวย ดูดี แต่พอมาดู background เธอเป็นลูกของ Uma Thurman กับ Ethan Hawke ไปค้นประวัติดู เญกคก จริงด้วย แต่ก็ต้องมาดูกันในบท Robin ใน season 3 นี้ ว่าจะไปไกลแค่ไหน

ส่วนบทผู้ใหญ่ก็ต้องยกให้ Winona Ryder กับบทจ๊อยซ์ แม่ของ Jonathan และ Will Winona Ryder เธอเล่นบทไหนก็ surprise บทนั้นเสมอ

นี่คือ cast ที่เข้ากับบทที่เขียนขึ้น คนเขียนบท 2 พี่น้อง Duffer ก็ไม่ได้เขียนทุกตอน ในบางตอนก็ให้คนใน circle มาเขียนบ้าง ซึ่งมันหมายถึงกลุ่มที่กว้างขึ้นที่อยู่ในวงเดียวกัน และเพื่อตัวเองจะได้ไปทำบทอื่นต่อไป ก็ที่เคยบอกมันเป็นอุตสาหกรรมหนัง ทำคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบ คนไทยควรศึกษาเรื่องนี้ครับ 1 Man show ก็จะไปได้ไม่ไกลมาก GDH น่าจะมาถูกทางครับ + Series Writing Credits Matt Duffer ... (created by) (25 episodes, 2016-2019) Ross Duffer ... (created by) (25 episodes, 2016-2019) Jessie Nickson-Lopez ... (17 episodes, 2016-2017) Paul Dichter ... (11 episodes, 2016-2019) Kate Trefry ... (10 episodes, 2017-2019) Justin Doble ... (4 episodes, 2016-2017) Jessica Mecklenburg ... (1 episode, 2016) Alison Tatlock ... (1 episode, 2016) William Bridges ... (1 episode, 2019) Curtis Gwinn ... (1 episode, 2019) + ผู้กำกับ 2 พี่น้อง Duffer กำกับไป 14 episodes ที่เหลือก็มีให้อีก 4 คนมาร่วมกำกับ ยังไม่ทราบเหตุผล แต่ที่แน่ๆ ก็น่าจะมีผู้กำกับ ที่น่าจะเข้ากับบางตอนมาสลับกำกับด้วย อาจเป็นการชำนาญเฉพาะด้านของบางตอน หรือไม่ก็งานมันเยอะเกินไปสำหรับผู้กำกับทีมเดียว ซึ่งในอนาคตหากมี episode ต่อๆ ไปก็น่าจะมีหลาย ผู้กำกับมาร่วมอีก ในงาน series ฝรั่งเขามักจะหา director circle ที่รู้กันในแนวทาง แต่ชำนาญอีกด้าน เอาไว้เป็นวง ที่จะเอาไว้ร่วมงานกันอีกเช่นกัน + ผู้กำกับ Matt Duffer ... (14 episodes, 2016-2019) Ross Duffer ... (14 episodes, 2016-2019) Shawn Levy ... (6 episodes, 2016-2019) Andrew Stanton ... (2 episodes, 2017) Uta Briesewitz ... (2 episodes, 2019) Rebecca Thomas ... (1 episode, 2017) + Cinematographer Tim Ives, ASC Tod Campbell Lachlan Milne, ACS David Franco - ASC สมาคมช่างภาพของ USA ASC เคยเขียนไปแล้ว ในหนังสือผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ตอน What The Producer Does? ใครซื้อไปแล้ว ลองกลับไปอ่านดูครับถ้าจำไม่ได้ ปัจจุบันขายหมดไปแล้วนะ แต่ไม่ต้องโต๊กกะจาย กำลังจะพิมพ์ครั้งที่ 2 กลาง กค. นี้แจกันแน่ - อีกคน ACS พิมพ์ผิดรึปล่าว ไม่ผิดครับ เป็นสมาคมของออสเตรเลีย http://www.cinematographer.org.au - ที่มียศ ASC ACS อะไรพวกนี้ ผมก็ไม่ได้ถือยศถืออย่าง หรอกครับ แต่ series ฝรั่งตั้งแต่ Jerry Bruckheimer Ex-Producer CSI series ที่ชอบใช้ผู้กำกับและตากล้องดังๆ มาทำงาน series ของเขา รวมถึง casting และคนตัดต่อด้วย หนังต้องสวยเป็นมาตรฐานที่ต้องมีครับ + Casting Director Carmen Cuba, CSA มียศด้วย + Series Film Editing by Kevin D Ross, ACE ... (8 episodes, 2016-2017) Nat Fuller... (6 episodes, 2017-2019) Dean Zimmerman, ACE ... (5 episodes, 2016-2019) Katheryn Naranjo ... (1 episode, 2017) หนัง Series ใช้ ACE บ่อยมากครับ เพื่อเพิ่มความเก๋าของหนัง กับการตัดต่อ ของเหล่ามือฉมังเหล่านี้ ซึ่งสังเกตการตัดดีดี ได้เกือบทุกตอน + ส่วน credit Producer เพียบครับ + และนี่คือ Tech spec ของเรื่องนี้ - Technical Specifications Sound Mix : Dolby Digital Color :Color Aspect Ratio : 2.00 : 1 Camera : RED DSMC2 Monstro 8K (season 3) RED Epic Dragon, Leica Summilux-C Lenses RED Weapon Helium, Leica Summilux-C Lenses (season 2) Negative Format : Redcode RAW Cinematographic Process : Digital Intermediate (4K) (master format) Dolby Vision HDR10 Redcode RAW (6K) (8K) (source format) Printed Film Format : Digital (HDTV) - Tech spec Work Flow Netflix ถึงกับออก spec ออกมาเลย เป็นยังไง ลองดูนะเผื่อใครจะทำงานให้ Netflix กล้องที่ใช้บังคับด้วย ดูตาม link เญกเปก https://partnerhelp.netflixstudios.com/…/360000579527-Camer… - Full Technical Specification v8.1 แปลว่ามีการ update อยู่เรื่อยๆ https://drive.google.com/…/0B9DJydDVOVKKLVdCdlF2cFVDVEE/view + และที่ทราบมา Netflix ทำ internal app ชื่อ Call Sheet ออกมาให้ Producer ใช้ในการควบคุมการผลิต ซึ่งเจ้าของเงินคือ Netflix สามารถรู้ความคืบหน้าในการทำงาน ในการถ่ายทำวันต่อวัน และสามารถเช็ค Matte ค่าใช้จ่าย ได้แทบจะ Realtime เป็นไงล่ะ ใครได้เริ่มทำงานกับ Netflix ลองมาขยาย ให้ฟังหน่อยก็ดีนะครับ ได้ยินแต่คำเล่าลือ + ทีเด็ดสุดอยู่ท้ายสุด ที่อยากจะเขียน เพลงในหนังเรื่องนี้ เป็นเพลงในปีนั้นๆ เลย + The Stray Cats - Rock This Town The Cars ~ Moving In Stereo Huey Lewis And The News - Workin' For A Livin' Foreigner - Hot Blooded REO Speedwagon - Can't Fight This Feeling Cutting Crew - '(I Just) Died In Your Arms' เพลงนี้ทำให้นึกถึงช่วงเวลาวัยรุ่นของผม ที่มีความสุขมากมายในยุคนั้น เพลงมันย้อนเวลาให้เรา feel มันเป็นสูตรของหนัง Hollywood ครับ + Madonna - 'Material Girl' โอ้ยานแม่ยุค 80’s Foreigner - 'Cold As Ice' Wham! - Wake Me Up Before You Go-Go และมีเพลง My Sharona - The Knack ด้วย ฟินสัส เพลงมันอินมากเมื่อได้ยินครับ + และมันทำให้วัยรุ่นรุ่นเดอะอย่างผมที่อายุเดียวกับ ช่วงเพลงสมันนั้นอินกับหนังเรื่องนี้ไปด้วย และเพลงเป็นสื่อสากล ที่ทำให้คนทั้งโลกอินร่วมกัน ผมถึงบอกว่า hollywood มันมีสูตรหนึ่งที่ ใช้บ่อยมากคือเพลงนั่นเอง โดยเฉพาะเพลงเก่า ที่ตรงกับเวลาในหนัง season 1 เวลาในหนังเป็น winter Nov.1983 season 2 เวลาในหนังเป็น Oct.1984 season 3 เวลาในหนังเป็น summer 1985 เวลาในหนังจะบอกทุกอย่าง ซึ่งคนเขียนบท บางบทจะกำหนดไว้ หากไม่กำหนดไว้ ผู้กำกับกับที่เก่ง ก็ชอบที่จะกำหนดขึ้นมา ไม่ว่าคน ทรงผม เสื้อผ้า เพลง รายการทีวี การเมือง ประวัติศาสตร์ ต้องตามเวลา ที่กำหนดไว้ครับ มันคือหนึ่ง direction ของผู้กำกับครับ เรื่องเวลาในหนังเคยเขียนมาแล้ว ซึ่งสำคัญมาก ลองหาอ่านย้อนอ่านได้ที่

https://www.facebook.com/…/a.22142096465…/1137949849664796/… + อีกอย่างนึงคือการเมืองและประวัติศาสตร์ในหนัง อย่างที่ว่า หนังเรื่องนี้ก็อยู่ในยุคสงครามเย็น ระหว่า usa กับ รัสเซีย หรือแม้แต่รายการ TV ที่ปรากฎบนจอที่เด็กๆ ดูกัน ก็เป็นการเอา feel ของยุคเก่ามาเล่าใหม่ทั้งสิ้น + เสื้อผ้าไม่ต้องพูดถึงปี 1983-1985 ต้องเป๊ะ และปัจจุบันแฟชั่นปี 80 ก็กลับมาย้อนยุคในปัจจุบันอีกด้วย พ่อแม่จริงยุคนั้นปัจุบันก็ต้องเกือบ 70 การเข้ากลุ่มคนดูจึงกว้างเป็นพิเศษ + เขียนถึงตรงนี้หลายคนคิดว่า ผมรับเงินจาก Netflix เหรอ ไม่ใช่ครับ หากคน Netflix อ่านมาเจอ อยากจะจ่ายก็ยินดี แต่จะขอให้จ่ายเงินให้ทีมผม สร้าง series ซัก 1 episode ลองดูมั้ย ผมมีบทเพียบเลย

ที่ผมเขียนเพื่อความรู้ให้เพจนี้มากว่า เผอิญ Stranger Things เป็นตัวอย่างที่ดี

แต่ก็ไม่ได้เป็น series ที่ชอบที่สุดหรอกนะ ผมชอบ The Crown มากกว่าครับ

อื่นๆ ที่เกี่ยวกับ stranger things + X-Box ออกเกมส์มาด้วย https://youtu.be/Knb4xjKqDlw + Trailer ที่ออกในไทยเมื่อวันที่ 31 Dec.2018 ออกมากระตุ้นต่อมคนไทย และน่าจะอีกหลายๆ ประเทศ https://youtu.be/traAzr9FvjU

+ บทความโปรโมทพร้อมภาพเบื้องหลัง https://www.cnet.com/…/see-all-the-stranger-things-seas…/44/

ซึ่งถ้าค้น Trailer ก็มีเยอะมาก ที่สำคัญทำ Trailer clip promote เป็นภาษาท้องถิ่น

และสุดท้ายเอาใจคนไทยมาก กับ stranger things พากย์ไทย ไม่ใช่แค่ใน season 3 แต่ย้อนไปพากย์ตั้งแต่ season 1-2 เลย เญกคก Season 1-2 อ่าน sub กรอไปมาหลายรอบ

หลายคนไม่ชอบพากย์ก็เปิดเป็นเสียง sound track ได้ ระบบเสียง dolby เปิดกับ Home theatre กระหึ่มจนข้างบ้านด่า

ส่วน sub title มีทั้งไทยและจีน เอาเข้าไป มี sub อังกฤษด้วย เห้ยทำไมต้องมี นั่นหน่ะสิ เค้าทำให้คนหูหนวกอ่านครับ เญกคกเป็นไงหล่ะ

series ไทยจำไว้ควรมี sub ไทยด้วย

มีทำไมไม่มีเงินทำ น่าน ถ้าคิดแบบนั้นก็ ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว การมี sub อังกฤษน่าจะช่วยให้หลายประเทศที่ฟังอังกฤษไม่ค่อยดีมาก sub อังกฤษก็จะช่วยให้เข้าใจภาษาง่ายขึ้น เค้าเป็นอุตสาหกรรมระดับโลกครับ ถ้าเค้าทำระดับนอกโลกได้ที่สถานีอวกาศที่เค้ากำลัง จะพาคนไปอยู่ 1 เดือน อาจจะมี Netflix ดูแก้เหงาก็เป็นไปได้

ผมอาจจะเพ้อไปไกลหน่อย กลับมา ยังน่าจะมีอะไรอีกเยอะ อ่อมีเบื้องหลังด้วยดูได้ในช่อง netflix เลย มีหลายตอนด้วย เค้าไม่เรียก Behind the scene นะ เค้าเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Beyond Stranger Things ในภาษาไทยที่ชื่อว่า ขุดเบื้องลึก สเตรนเจอร์ธิงส์

น่าจะมีอีกหลายเรื่อง แต่ผมว่ายาวไปแล้ว ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนให้ 8 1/2 เต็ม 10 ครับ

ฝากแชร์ให้คนที่รักนะครับ โดยเฉพาะ Film Maker ไทย ที่จะไปสูระดับโลก

ก็เห็นมีพี่ๆ หลายทีมกำลังทำงานกับ Netflix อยู่ หากมีประสบการณ์อะไรกับ Netflix ช่วยมาเล่าให้ ชาวเราฟังบ้างด้วยนะครับ

4 views0 comments

Comments


bottom of page